วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Pomeranian

  • Pomeranian (ปอมเมอเรเนียน)



         หากพูดถึงสุนัขตัวเล็ก ๆ ขนฟู ๆ หางเป็นพวง จมูกแหลม ๆ ตาแป๋วเป็นประกาย แน่นอนว่าสุนัขที่ว่านี้คือพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน  ที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องขอจับ ขอสัมผัส ความน่ารักกันใกล้ ๆ ><'

         ปอมเมอเรเนียนเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนนุ่มปุกปุย มีหัวเป็นรูปลิ่ม หูตั้งชี้ขึ้น บรรพบุรุษปอมเมอเรนียนย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์ 


         เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นปอมเมอเรเนียนในปัจจุบันครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียน พัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์ ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น แสดงว่าสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์

        ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็นฝูง บางแห่งทำเป็นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อยครั้ง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมเมอเรเนียนที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมีการสั่งนำเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็นวงรีสีดำ หูเล็กตั้งตรง ลำตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง

มาตราฐานสายพันธุ์ 

ลักษณะทั่วไป : ปอมฯ เป็นสุนัขขนาดเล็ก ลำตัวสั้นกระทัดรัด น้ำหนักประมาณ 4-6 ปอนด์ มีการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ขี้ประจบ แต่เป็นสุนัขค่อนข้างตกใจง่าย เห่ามาก ยิ่งตัวเล็กยิ่งเห่าเก่ง 

ส่วน : น้ำหนักของปอมฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะหนักประมาณ 3-7 ปอนด์ (ประมาณ 1.25-3 กก.) แต่ขนาดที่ดีสำหรับการประกวดนั้นควรหนักประมาณ 4-6 ปอนด์ (1.7-2.5 กก.) ถ้าสุนัขหนักมากกว่าหรือน้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ถือว่าผิดมาตรฐาน รูปร่างของสุนัขมีความสำคัญกว่าขนาดของสุนัข ช่วงตั้งแต่หน้าอกจนถึงสะโพกจะสั้นกว่าหรือเท่ากับส่วนสูงตั้งแต่ช่วงไหล่จนถึงพื้น กระดูกมีขนาดปานกลาง 


ศีรษะ : ขนาดของหัวต้องได้ส่วนกับลำตัว ช่วงปาก (MUZZLE) สั้นตรง หน้าดูคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก (FOXY EXPRESSION) หัวกะโหลกปิด ช่วงบนของหัวกะโหลกจะกลมเล็กน้อยแต่ไม่โหนกนูน ถ้ามองจากด้านหน้าและด้านข้างแล้วจะต้องเห็นหูที่มีขนาดเล็กอยู่ในตำแหน่งที่สูง (HIGH EARSET) และตั้งตรง รูปร่างปากจะมีลักษณะคล้ายรูปลิ่ม(WEDGE SHAPE) เส้นที่ลากจากจมูกไปถึงจุดหัก (STOP) จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างตาทั้งสองข้างและหูทั้งสองข้าง ตามีสีดำสนิท สดใส ขนาดปานกลาง คล้ายเมล็ดอัลมอนด์ (ALMOND SHAPE) สีของจมูกและขอบตาต้องดำสนิท ยกเว้นปอมฯ สีน้ำตาล BEAVER และ BLUE ฟันต้องกัดสบกันพอดี (SCISSORSBITE) 


นิสัยและอารมณ์ : สุนัขปอมฯ เป็นสุนัขที่เปิดเผย แสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด 


คอ เส้นหลังและลำตัว : คอค่อนข้างสั้น ตั้งอยู่บนไหล่ ทำให้ช่วงคอตั้งสูง แลดูสง่างาม ช่วงหลังสั้น มีระดับของเส้นหลัง หางมีตำแหน่งที่สูง (HIGH TAILSET) วางราบตรงอยู่บนหลัง 


ลำตัวส่วนหน้า : ไหล่จะต้องมีการเอียงลาดลงเพียงพอ เพื่อให้สามารถชูคอและหัวได้สูงและสง่างาม ความยาวของช่วงไหล่และขาตอนบนต้องเท่ากัน ขาหน้าต้องตรงและขนานกัน ความยาวตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกต้องมีความยาวเท่ากับข้อศอกถึงพื้น ขาต้องตรงและแข็งแรง ไม่เอียงเข้าหรือเอียงออก 


ลำตัวส่วนหลัง : ได้ส่วนกับลำตัวส่วนหน้า ตำแหน่งของหางจะต้องอยู่เหนือสะโพกค่อนมาทางด้านหน้าต้นขา ต้องมีกล้ามเนื้อแข็งแรงปานกลาง และมีส่วนหน้าของขาหลัง (STIFLES) มีมุม (ANGULATION) ที่โค้งงอพอสมควรรับกับส่วนน่อง (HOCK) ต้องตั้งฉากกับพื้น ถ้ามองจากด้านหลังขาทั้ง 2 ข้างต้องตรงและขนานกัน เท้ามีลักษณะโค้งมนกระชับ ไม่เอียง สุนัขต้องยืนอยู่ปลายเท้า (TOES) นิ้วติ่ง (DEWCLAWS) ถ้ามีควรตัดออก 


การเคลื่อนไหว : การเดินหรือการเคลื่อนไหวต้องเป็นไปอย่างอิสระราบเรียบ นุ่มนวล แลดูแข็งแรง เวลาเดินขาหน้าต้องเหยียดตรงไม่งอพับขึ้น ข้อศอกไม่กางออก ส่วนขาหลังต้องไม่ถ่างออก ขาหลังจะเคลื่อนไปข้างหน้าในจังหวะเดียวกันกับขาหน้าที่เคลื่อนที่ไป 


ขน : สุนัขปอมฯ มีขน 2 ชั้น คือ ขนชั้นใน (UNDERCOAT) ต้องนุ่มและแน่น ขนชั้นนอก(OUTTERCOAT) ต้องยาวตรงเป็นประกายและหยาบ ขนชั้นในที่หนาแน่นจะช่วยพยุงขนชั้นนอกให้ฟูไม่ลู่ เหยียดตรง ขนจะต้องหนาแน่นตั้งแต่ช่วงคอ หน้าอก ช่วงไหล่ด้านหน้า ขนช่วงหัวและขาจะแน่นแต่สั้นกว่าขนช่วงลำตัว ขนหางยาว หยาบและเหยียดตรง การตัดแต่งเล็มขนให้ดูสวยงามและดูเรียบร้อยไม่ถือเป็นข้อผิด 


สี : สีที่ได้รับการยอมรับและรับรอง ควรได้รับการพิจารณาการตัดสินอย่างเท่าเทียมกัน สีที่ได้รับการยอมรับได้แก่1. สีใดๆ ก็ได้ที่ขึ้นเป็นสีเดียวกันทั้งตัว หรืออาจจะมีสีที่อ่อนหรือแก่กว่าแซมอยู่ด้วย (SELT-COLOR) 2. สีแซมกัน 2 สี (PARTI-COLOR) หมายถึงปอมฯ ที่มีสีขาวและมีสีอื่นแซมเป็นพื้นๆ กระจายเท่าๆ กันทั่วตัว และควรมีแถบสีขาวบนหัวด้วย 3. สีดำและน้ำตาล (BLACK AND TAN) หมายถึงปอมฯ มีสีดำที่มีสีน้ำตาลอยู่เหนือตาทั้ง 2 ข้างและปาก ลำคอ หน้าอก ใต้หาง ขาและเท้าทั้ง 4 ข้าง สีน้ำตาลนี้ยิ่งเข้มยิ่งดี 4. BRINDLE ได้แก่ปอมฯ ที่มีพื้น คือ สีทอง แดงหรือส้ม และมีสีดำแซมอยู่ทั่วทั้งตัว 

จุดบกพร่อง : 1. กะโหลกกลม โหนกนูน ฟันล่างยื่น (UNDERSHOT MOUTH) หรือฟันบนยื่นจนเกินไป (OVERSHOT MOUTH) 2. ข้อเท้าราบกับพื้นมากเกินไป3. ขาหลังที่หัวเข่าชิดกัน ปลายเท้าชี้ออก (COWHOCKS) หรือขาหลังที่บกพร่อง4. ขนที่นิ่ม เหยียดตรงและแยกออกจนเห็นผิวหนังข้างใน (OPEN COAT) 

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Shih Tzu

  • Shih Tzu (ชิสุ)


           ภาพลักษณ์หมาน้อยตากลมโต ผูกโบว์ที่หน้าผาก มีขนยาวสวย ดูสง่างาม ขนาดพอเหมาะ พาไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก แถมยังนิสัยเป็นมิตร ขี้เล่น และช่างประจบ เลยทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงใหลได้ปลื้มเจ้าสุนัขพันธุ์ "ชิสุ" และเลี้ยงเป็นสมาชิกสี่ขาประจำครอบครัวกันอย่างแพร่หลาย แต่รู้ไหมว่าประวัติความเป็นมาของ สุนัข ชิสุ น่ะ เป็น ถึง 1 ใน 3 สุนัข ชั้นสูงจากจักรพรรดิจีนเชียวนะ 

           บรรพบุรุษของ สุนัข ชิสุห์ นั้น มีการคาดเดาว่ามีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่าสิงโตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต (Lama) จึงได้ผสม สุนัข พันธุ์เล็กขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงโต ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าลักษณะขนแผงคอของ ชิสุ จะเหมือนกับสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือการเคลื่อนไหวก็แลดูสง่างาม และชื่อ "ชิสุ" (Shih Tzu) ซึ่งเป็นคำในภาษาจีน ก็แปลว่า สิงโต ด้วย 

          
          ต่อมาทิเบตได้ส่ง สุนัข ชิสุ มาเป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการแก่จักรพรรดิราชวงศ์ชิง ราชวงศ์สุดท้ายของจีน  ซึ่งพระนางซูสีไทเฮา ทรงโปรดการเลี้ยง สุนัข มาก โดยมี สุนัข พันธุ์ปักกิ่ง ปั๊ก และชิสุ ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากพระองค์ ชนิดหรูหราและฟุ่มเฟือย ในอดีตจึงเป็นที่รู้กันดีว่า ชิสุ เป็น สุนัข ที่มีชนชั้น  นิยมเลี้ยงกันเฉพาะในราชสำนักของและนับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน         
          

         ในปี ค.ศ.1908  เมื่อพระนางซูสีไทเฮาสิ้นพระชนม์ สุนัข ชิสุ ทรงเลี้ยงในพระราชวังก็กระจัดกระจายหายไป แต่ก็มี ชิสุ บางส่วนที่ถูกลักลอบนำไปผสมข้ามสายพันธุ์ ทำให้ ชิสุ ขยายพันธุ์ไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในอังกฤษ และทั่วยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเป็นสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันถึงปัจจุบัน  เนื่องจาก ชิสุ เป็น สุนัข พันธุ์เล็ก อีกทั้งมีของลักษณะขนและหน้าตา ที่จะสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้ สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา

มาตราฐานสายพันธุ์ 
        
         ชิสุ เป็น สุนัข ขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5 - 7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10 - 16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25 - 27 ซม. (หรือราว 10 - 11 นิ้ว) ทั้งนี้ ชิสุ มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ชิสุ ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน

ลักษณะทั่วไป : เป็นสุนัขขนาดเล็ก ขนยาวจรดพื้น โครงสร้างมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวลำตัวมากกว่าความสูง กว้างและลึก เส้นกลางหลังตรงไม่โค้ง ศีรษะมีลักษณะกว้างกลม จมูกและปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว บริเวณหน้าไม่มีรอยย่น รอยต่อระหว่างปากและหน้าเป็นมุมหักที่ชัดเจน ตามีลักษณะกลมโต นัยน์ตาสีเข้ม ตาไม่ยื่นโปนออกมา หูมีขนาดใหญ่และยาวปรกลงทั้ง 2 ข้าง ฟันหน้าบนและล่างขบกันพอดี หรือฟันล่างขบอยู่ด้านนอก หางม้วนงอวางพาดอยู่บนแผ่นหลังและขนยาวปรกคลุม

นิสัย : ชิห์สุเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้เล่น อ่อนโยน ชอบเล่นกับเด็ก

ขนาด เพศผู้ เพศเมีย : ความสูง (เซนติเมตร) 9 - 11 9 - 11 น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) 4-7 4-7 

ขน : สุนัขชิห์สุที่ดีควรมีขนที่ยาวจรดพื้น เส้นขนอ่อนนุ่ม ดกแน่น และมีลักษณะเหยียดตรงไม่หยิกงอ และขนชั้นในควรมีเส้นเล็กนุ่มและสั้นกว่าขนชั้นนอก ขนบริเวณศีรษะควรยาวจนสามารถรวบเป็นกระจุกได้

สี : มีได้หลายสี ตั้งแต่ สีขาว ดำ เทา น้ำตาล และเทาแกมแดง 2 - 3 สี และมักมีมาร์คกิ้งเป็นสีขาว บริเวณใบหน้า ไหล่ สะโพก และปลายหาง
ลักษณะบกพร่อง
1. ศีรษะเล็กและแคบเกินไป
2. ฟันหน้าชุดบนขบเกยอยู่ด้านนอกฟันล่าง
3. ขนสั้น หรือหยิก
4. จมูกและปากยาวเกินไป
5. ขนบางไม่ดกแน่น

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Pug

  • Pug (ปั๊ก)

         ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ
          ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย


มาตราฐานสายพันธุ์  
อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ชอบเล่น ตื่นตัวอยู่เสมอ 

ศีรษะ : มีขนาดใหญ่คล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกะโหลกระหว่างหูค่อนข้างแบน 


หน้าผาก : มีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเนื้อชัดเจน 


หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ค่อนข้างยาว ปลายหูกลม โคนหูอยู่ค่อนข้างสูง 


ตา : มีสีเข้ม ขนาดปานกลาง ตาค่อนข้างกลม ตาค่อนข้างห่างจากหู ตาไม่ลึกหรือโปน 


ดั้งจมูก : มีมุมหักชัดเจนทำให้มีหลุมลึก 


ปาก : มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากเหนียงและค่อนข้างหนา กรามแข็งแรงขณะหุบปากไม่เห็นฟันยื่นออกมา 


จมูก : มีลักษณะสั้น รูจมูกกว้าง จมูกมีสีดำ หรือสีจาง ขึ้นอยู่กับสีของขน 


ฟัน : แข็งแรง ขบแบบ UNDERSHOT 


ลำตัว : มีลักษณะสั้นกลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้างบริเวณเอวเล็ก 


คอ : มีลักษณะกลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือก ค่อนข้างย่น 


อก : กว้างและลึก 


ขาหน้า : มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าค่อนข้าสั้น ขาหน้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อขา ขาหน้าตั้งตรงขาหน้าทั้งสองห่างกันพอสมควร เท้าหน้าขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด 


ขาหลัง : ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขาหลังตรง ห่างกันพอประมาณข้อเท้าหลังอยู่ในระดับต่ำ เท้าหลังมี

ขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย 

หาง : โคนอยู่ในระดับต่ำ หางตรงหรือเป็นเกลียวได้ หางค่อนข้างสั้น 


ขน-สี : ขนสั้นนุ่ม ขนมีหลายสี เช่น น้ำตาล ขาว น้ำตาลขาว หนังค่อนข้างย่น 


น้ำหนัก : ชนิดเล็กมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ ชนิดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์ 


ข้อบกพร่อง : หูไม่เหมือนค้างคาว สีดำ-ขาว สีดำ-น้ำตาล ตามีสีไม่เหมือนกัน น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

German Shepherd

  • German Shepherd (เยอรมันเชฟเฟิร์ด)

         เรามักจะเห็นเจ้า German Shepherd (เยอรมันเชฟเฟิร์ด) ในหนังในละครบ่อยในบทบาท สุนัข ตำรวจแสนเท่ที่คอยช่วยตำรวจตรวจค้นหายาเสพติด หรือ จับคนร้ายก็ตาม แต่เจ้า เยอรมันเชฟเฟิร์ด ก็ยังเป็นฮีโร่ในอีกหลาย ๆ ด้าน... เพื่อน ๆ คงจะอยากรู้จักเจ้า German Shepherd (เยอรมันเชฟเฟิร์ด) เพิ่มมากขึ้นแล้ว งั้นไปกันเลย ~!!! ^^/
       
         German Shepherd (เยอรมันเชฟเฟิร์ด) ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเยอรมัน มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อัลเซน" ผู้คนนับพันนับหมื่นที่ต้องอยู่ในโลกมืด ได้อาศัยเจ้าเยอรมันเช็พเพอดนี่แหละที่คอยเป็นพี่เลี้ยงนำทางไหนต่อไหนได้ พิทักษ์สันติราษฎร์ในเยอรมันนี แคนาดา ตามตรอกซอกซอยของบัลติมอร์ หรือในสวนสาธารณะของไฮด์ปาร์คที่มืดสลัว ไปด้วยม่านหมอกในใจกลางกรุงลอนดอน ย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานรักษากฎหมาย ที่ไม่ย่นระย่ออย่างใดทั้งสิ้น เขาทำหน้าที่เฝ้าเหมืองเพชรในคิมเบอร์ลี่ย์ก็ได้ เฝ้าโรงเรียนในนิวยอร์คก็ได้ หรือให้เฝ้าฐานทัพอากาศที่ทริโปลีก็ได้ ไม่มีใครสามารถคำนวณได้ว่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด ได้ช่วยชีวิตคนไว้เท่าไรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่สอง โดยที่การดมกลิ่นหาทหารบาดเจ็บบ้าง ถือสารและลำเลียงเวชภัณฑ์บ้าง คอยเตือนหน่วยลาดตระเวนในป่าต่อการถูกซุ่มโจมตีบ้าง ตลอดจนการตรวจรักษาแนวชายฝั่งทะเลเพื่อกันการก่อวินาศกรรม และค้นหาชาวบ้านที่ถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่เนื่องจากการถูกระเบิดทางอากาศ ในยามไม่มีศึกสงคราม มันก็ทำงานเป็นการกุศล เนื่องจากจมูกที่ไวสามารถนำคนค้นหาพวกที่ถูกหิมะถล่ม ฝังเอาไว้ในเทือกเขาแอลป์ของสวิส
    
       ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้มีรูปร่างที่สวยงาม เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง เป็นผลมาจากการผสมของสุนัขต้อนแกะหลายชนิดมานับศตวรรษ ซึ่งรวมเอาสุนัขที่มีขนาดย่อมแต่ว่องไวของท้องทุ่งเยอรมันภาคเหนือ กับสุนัขที่โตล่ำสันกว่าของภูมิภาคที่เป็นขุนเขาทางใต้เอาไว้ด้วย แม้จะสิ้นศตวรรษที่ 19 ยุคเลี้ยงแกะของเยอรมันได้สิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ตามนักเพาะพันธุ์สุนัขไม่กี่คนก็ยังพยายามสงวนพันธุ์อันมี คุณสมบัติอันวิเศษในการเลี้ยงแกะเอาไว้ ซึ่งนับว่าควรแก่การยกย่องมากที่สุดได้แก่ ร้อยเอกทหารม้าผู้หนึ่งชื่อ มาร์กฟอนสเตฟานิตช์ ซึ่งได้ลงเรี่ยวลงแรงแข็งขัน เพื่อที่จะทำให้สุนัขพันธุ์นี้เข้ามาตรฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1889 และได้เจริญเติบโตเรื่อยมาจนมาเป็นสโมสรสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างเดียว จากความพยายามของร้อยเอกฟอนสเตฟานนิตช์กับพรรคพวก ที่ได้พยายามเสาะหาสุนัขที่ใช้งานได้ดีและฉลาด และแล้วผลที่ได้ก็น่าภาคภูมิใจ ที่เมื่อมองสุนัขพันธุ์นี้ขณะที่มันปฏิบัติตามคำสั่งของนายโดยไม่ผิดพลาด

มาตรฐานสายพันธุ์ 

ลักษณะโดยทั่วไป สิ่งที่ประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็นเยอรมันเช็พเพอดที่ดีคือ ความแข็งแรงว่องไว เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตื่นตัวและมีชีวิตชีวา มองโดยรวมแล้วจะกลมกลืนและได้ส่วนกันระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้าย ตัวจะยาวกว่าส่วนสูง ลำตัวลึก เส้นรอบตัวจะเป็นเส้นโค้งที่กลมกลืนแทนที่จะเป็นเหลี่ยมมุม มีขนาดค่อนข้างใหญ่และอ่อนแอ ให้ความรู้สึกไม่ว่าจะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวถึงความกระชับของกล้ามเนื้อและ การเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวล
 

อุปนิสัย : เยอรมันเช็พเพอดมีบุคลิกที่เด่นชัดคือ มีการแสดงออกถึงความไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้นและตื่นตัวกระฉับกระเฉง เต็มใจจะรับใช้เต็มที่ในลักษณะของการเป็นเพื่อน เป็นสุนัขเฝ้าบ้านนำทางผู้ที่อยู่ในโลกมืด เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ หรือทำหน้าที่อารักขา สุนัขจะไม่ขี้ขลาดหรือหลบอยู่หลังผู้เป็นเจ้านาย ไม่ควรจะอ่อนไหว ไม่มองไปรอบๆ หรือแหงนหน้ามอง ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก โดยจะหางตกเมื่อได้ยินเสียงหรือมองเห็นสิ่งแปลกๆ หากสันขมีอุปนิสัยดังกล่าวข้างต้นจะถูกตัดสินว่ามีความบกพร่องอย่างร้ายแรง สุนัขจะต้องยอมให้กรรมการตรวจฟันและลูกอัณฑะ ถ้าหากสุนัขกัดกรรมการจะต้องถูกไล่ออกจากสนามประกวด สุนัขที่อยู่ในอุดมคติควรที่จะสามารถใช้งานในลักษณะที่ไม่หยิบโหย่ง ผสมผสานกับลำตัวและการก้าวย่างที่เหมาะกับงานการที่ทำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน
 

ศีรษะ : แลดูสง่างาม ถูกสลักเสลาอย่างเรียบร้อย แข็งแรงได้ส่วนกับลำตัว ศีรษะของเพศผู้แลดูล่ำสัน ส่วนเพศเมียก็อ่อนช้อย ปากยาวและแข็งแรง มองจากด้านหน้าหน้าผากจะโค้งเล็กน้อย กะโหลกศีรษะลาดเทยาวเป็นรูปลิ่ม ดั้งจมูกจะไม่หักมาก กรามแข็งแรง
 

หู : แหลม พอประมาณได้ส่วนกับกะโหลกศีรษะและเปิดไปข้างหน้า และจะตั้งชันเมื่อตั้งอกตั้งใจ หูที่อยู่ในอุดมคติเส้นกลางของใบหูเมื่อมองจากด้านหน้า จะขนานกันและจะตั้งฉากกับพื้น หูที่ถูกตัดหรือห้อยจะต้องถูกคัดออกจากสนามประกวด
ตา : ขนาดปานกลาง รูปร่างเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ ตั้งแบบเฉียงเล็กน้อยแต่ไม่โปนออกมา ตาควรจะดำมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีแววตาที่ฉลาดและเฉียบแหลม
 

ฟัน : 42 ซี่ ข้างบน 20 ซี่ ข้างล่าง 22 ซี่ แข็งแรงและสบกันแบบกรรไกร ฟันข้างบนยื่นไปข้างหน้าหรือการสบแบบเสมอเป็นลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ฟันล่างที่ยื่นไปข้างหน้าเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง ถ้าหากฟันซี่อื่นที่นอกเหนือไปจากฟันกรามเล็กก็ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง เช่นกัน
 

คอ : แข็งแรง และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ค่อนข้างยาวได้ส่วนกับศีรษะ หนังไม่หย่อนยาน เมื่อสุนัขตั้งใจหรือตื่นเต้นศีรษะจะชูสูง คอจะยืดออก โดยทั่วไปศีรษะจะยื่นไปข้างหน้ามากกว่าชูสูง แต่จะสูงกว่าไหล่เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเคลื่อนไหว
ส่วนหน้า : แผ่นกระไหล่ยาวและทำมุมเฉียง อยู่ในแนวราบและไม่ยื่นไปข้างหน้า แขนตอนบนเชื่อมกันแผ่นกระดูกไหล่โดยทำมุมราว 90 องศา ขาหน้าไม่ว่าจะมองดูทางไหนก็เหยียดตรง และกระดูกจะเป็นรูปไข่มากกว่ากลม ฝ่าเท้าแข็งแรงและทำมุมราว 25 องศา กับแนวตั้ง
 

เท้า : สั้น และกระชับ นิ้วโค้งอย่างพอเหมาะ อุ้งเท้าหนาแบะเล็บแน่น สั้นและมีสีดำ ควรตัดนิ้วติ่งที่ขาหลัง แต่นิ้วติ่งที่ขาหน้ามักจะปล่อยให้อยู่อย่างเดิม
ส่วน : สุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดที่นิยมกันจะอยู่ในส่วนของความยาวต่อความสูงอยู่ ระหว่าง 10 ต่อ 8.5 ความสูงของสุนัขเพศผู้วัดจากจุดสูงสุดของไหล่อยู่ระหว่าง 24-25 นิ้ว ส่วนเพศเมีย 22-24 นิ้ว ความยาววัดจากกระดูกอกไปยังตอนท้ายของกระดูกสะโพก
 

ลำตัว : โครง สร้างโดยรวมทำให้เกิดความรู้สึกถึงความลึกและแน่น แต่ไม่เทอะทะ อกควรจะเต็มและลงลึกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง อกกว้างมีเนื้อที่มากพอสำหรับหัวใจและปอด ซี่โครงยาวและโค้งไม่เป็นรูปถังเบียร์หรือแบนมากเกินไป และไปจรดส่วนอกลงไปถึงข้อศอก หากซี่โครงอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องจะทำให้ศอกหดกลับอย่างอิสระในขณะที่สุนัข กำลังวิ่งเหยาะๆ หากกระดูกซี่โครงโค้งออกมามากเกินไปจะทำให้ข้อศอกกางออก
 

ท้อง : กระชับ ชายกระเบนเหน็บจะรั้งขึ้นเล็กน้อย
 

เส้นหลัง : จุดสูงสุดของเส้นหลังจะสูงและค่อยๆ ลาดเท
 

หลัง : เหยียด ตรงแข็งแรงมาก ไม่แอ่นหรือโค้งขึ้น เอวมองจากด้านบนจะกว้างและแข็งแรง ความยาวระหว่างกระดูกซี่โครงซี่สุดท้ายและตะโพกมากเกินไปเป็นสิ่งที่ไม่พึง ประสงค์ ตะโพกยาวและค่อยๆ ลาดเท
 

หาง : เป็น พวงข้อกระดูกสันหลัวข้อสุดท้ายอย่างน้อยจะยื่นไปต่อกระดูกขาหลัง หางตั้งอยู่ตรงตะโพกและห้อยลงขณะที่อยู่ในท่าพัก หางจะโค้งเล็กน้อย เมื่อสุนัขตื่นเต้นหรือกำลังเคลื่อนไหวหางจะโค้งและยกขึ้น แต่ไม่ควรโค้งไปข้างหน้าและเลยเส้นตั้งฉาก หางที่สั้นเกินเป็นข้อบกพร่องอย่างมาก หากหางถูกตัดจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ประกวด
 

ส่วนท้าย : เมื่อมองจากด้านข้าง ตะโพกโดยรวมจะกว้าง ส่วนที่อยู่ระหว่างข้อต่อขาหลังและเท้า สั้นและแข็งแรง
 

การย่างก้าว : เย อรมันเช็พเพอดเป็นสุนัขที่วิ่งเหยาะๆ โครงสร้างถูกพัฒนามาเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงาน การก้าวย่างควรจะเป็นไปด้วยความนุ่มนวล และยื่นเท้าออกไปสุด ราบรื่นและเป็นจังหวะ
 

สี : ไม่ มีสีที่แน่นอน แต่จะนิยมสีเข้มมากกว่า หากจมูกสีอ่อน สีฟ้าหรือเป็นสีตับเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง หากขนสีขาวหรือมีจมูกไม่ดำจะถูกห้ามไม่ให้ลงประกวด
 

ขน : ควรมีขนสองชั้นและยาวปานกลาง ขนชั้นนอกควรจะแน่นมากที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ ขนเหยียดตรง หยาบแนบไปกับลำตัว ขนชั้นนอกเป็นลอนเล็กน้อย ศีรษะรวมทั้งข้างในหู หน้าผาก ขาและเท้าจะปกคลุมด้วยขนสั้น ส่วนคอจะปกคลุมด้วยขนที่หนาและยาวกว่า ด้านหน้าของขาหน้าและขาหลังจะมีขนยาวและยื่นไปปกคลุมข้อเท้าและข้อขาหลังตาม ลำดับ ขนที่นิ่มและคล้ายไหม, ขนชั้นนอกยาวเกินไป, ขนเหมือนขนสัตว์และหยิกเป็นลอนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์